ก่อนหน้านี้ เราได้มีการพูดถึง ชนิดของคำ หรือ Parts of speech ซึ่งอย่างที่บอกไป มันมีด้วยกันทั้งหมด 8 ชนิด และแน่นอนว่า แต่ละชนิด มันมีความสำคัญในตัวเอง ยิ่งเมื่อทำการเอา ชนิดของคำเหล่านั้น มาทำการเรียงในประโยคเดียวกัน บอกเลยว่า เราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรู้จักกับคำเหล่านั้นซึ่งในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง 1 ใน 8 ของชนิดของคำ แน่นอนว่า มีความสำคัญมาเป็นอันดับต้น ๆ คือ คำนาม

อย่างที่บอกกันไปแล้ว คำนาม จะเป็นคำที่ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ เช่น หมอ (doctor) ครู(teacher) นก(bird) ปลา(fish) กระดาษ(paper) ปากกา(pen) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็คือ คำนามทั่วไป (Common Noun) ที่ปกติแล้ว จะทำหน้าที่ เป็นประธาน หรือ เป็นกรรมของประโยค
เช่น
A teacher eats fish
คุณครูกินปลา
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเราจะเรียงประโยคแบบภาษาไทย เราก็สามารถเรียงได้แบบนั้น แต่สำหรับการเรียงในภาษาอังกฤษนั้น จำเป็นจะต้อง มี คำนำหน้านาม หรือ Article ที่จะอยู่นำหน้านามทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้น ในภาษาอังกฤษก็ใช่ว่าจะสามารถใช้ได้ทุกคำ เพราะ คำนามที่เป็นนามนับไม่ได้นั้น ถือเป็นการยกวเน ไม่ต้องใช้ เช่นคำว่า water ที่แปลว่าน้ำ (คำนามนับไม่ได้) หรือ จะเป็น นม Milk ก็ไม่ต้องใช้เหมือนกัน

ซึ่ง สำหรับ Article นั้น ก็สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. a และ an ซึ่งความหมายนี้ คือ หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า a และ an จะใช้นำหน้า คำนามที่มี 1 ชิ้น แต่ไม่เฉพาะเจาะจงว่าอันไหน โดย a นั้น จะใช้กับคำนาม ที่ขึ้นต้น ได้อักษรที่เป็นพยัญชนะ เช่น a teacher, a cat , a dog ส่วน an นั้น จะใช้กับคำนามที่ขึ้นต้นด้วยอักษรที่เป็นสระ เช่น an owl, an hour เป็นต้น
2. the ใช้นำหน้าคำนามเช่นกัน แต่เป็นคำนามที่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น The dog หมาตัวนั้น The cat แมวตัวนั้น เหตุที่ใช้ the แทนเพราะบางครั้ง เวลาที่เราพูดถึงสิ่ง ๆ หนึ่งซ้ำ ถ้าเราใช้ a หรือ an ซ้ำ ๆ อาจจะทำให้ดูน่าเบื่อ ดังนั้น การใช้ the แทนที่ก็จะเป็นอะไรที่น่าจะสื่อสารกันให้เข้าใจมากกว่า