แน่นอนว่าในปัจจุบัน บริษัทที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ ต่างชาติมีอยู่มากมาย และภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสารคือ ภาษาอังกฤษ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องใช้ และต้องเรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการทำงานเอาไว้บ้าง
1. Sorry to bother (disturb) you, but + ประโยคคำถาม
คำแปล: ขอโทษที่รบกวนนะ แต่…
เวลาอยากจะรบกวนใคร บางทีเขาอาจจะทำงานอยู่ เราควรจะออกตัวขอโทษที่ไปรบกวนเขาก่อน แล้วค่อยเข้าเรื่อง ไม่งั้นอยู่ดีๆ ไปถามเลย เราอาจจะโดนเหวี่ยงได้ (ประมาณว่าไม่เห็นเหรอ ฉันทำงานอยู่นะ!) ลองดูตัวอย่างกันค่ะ
Sorry to bother you, but could you check this report for me?
ขอโทษที่รบกวนนะ แต่คุณช่วยตรวจสอบรายงานนี้ให้ฉันหน่อยได้มั้ย
Sorry to disturb you, but can I borrow the stapler?
ขอโทษที่รบกวนนะ แต่ฉันขอยืมที่เย็บกระดาษหน่อยได้มั้ย
จำประโยคขึ้นต้นไปเลยค่ะ Sorry to bother (disturb) you, but… แล้วก็ตามด้วยคำถามที่เราอยากจะถามต่อได้เลย
ถ้าเราเป็นผ่ายถูกถามด้วยประโยคนี้ เราก็ตอบได้ว่า
Yes, I’ll do it for you.
ได้เลย เดี๋ยวฉันทำให้คุณนะ
Sorry, I can’t do it now.
โทษทีนะ แต่ฉันทำตอนนี้ไม่ได้น่ะ
2. Do you have a minute?
คำแปล: ว่างคุยซักนิดมั้ย/มีเวลาซักเดี๋ยวมั้ย
แปลตรงๆ จะแปลว่า มีเวลาซักนาทีมั้ย แต่จริงๆ ก็หมายถึงพอมีเวลาสั้นๆ มั้ยนั่นเอง ใช้เวลาเราอยากกวนเวลาใครสั้นๆ นอกจากประโยคนี้แล้ว จะใช้ประโยคด้านล่างแทนก็ได้ค่ะ แปลโดยรวมเหมือนกันเลยค่ะ
Are you free to talk?
Can I have a word with you?
Can I talk to you for a minute/a second?
ถ้าเราว่าง คุยได้ ก็ตอบไปว่า Yes./Sure./Of course. และถามกลับไปได้ว่า What is it?/What’s the matter? (คุยเรื่องอะไรล่ะ, มีเรื่องอะไรรึเปล่า)
3. Would you mind helping me with + N.?
คำแปล: รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับ…
Would you mind helping me with this document?
รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับเอกสารนี้
Would you mind helping me with the project?
รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับโปรเจคนี้
Would you mind helping me with the contract?
รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับสัญญาฉบับนี้
ใช้เวลาต้องการขอความช่วยเหลือได้เลยค่ะ เป็นประโยคแบบสุภาพมากๆ แต่สังเกตว่ารูปประโยคนี้ จะตามด้วยคำนาม คือไม่ได้บอกว่าให้ช่วย “ทำอะไร” แต่แค่ขอให้ช่วยเรื่องอะไร หรือเกี่ยวกับอะไร เหมือนถามรวมๆ ว่าช่วยฉันเรื่องนี้ได้มั้ย
ดังนั้นจำรูปประโยค Would you mind helping me with ไปเลยค่ะ แล้วอยากจะขอความช่วยเหลือเรื่องอะไรก็เอาศัพท์มาต่อท้ายได้เลย
*ถ้าอยากจะลดระดับความสุภาพลง หรือคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างสนิท ก็ใช้ Can you help me with + N.? ได้เหมือนกันค่ะ จะดูเป็นกันเองมากกว่า แต่ถ้าไม่แน่ใจ ใช้ Would you mind ไปเลย สุภาพสุดแล้วจ้า
4. Would you mind + V.ing?
คำแปล: รังเกียจมั้ยที่จะทำ…
Would you mind sending the presentation to me?
รังเกียจมั้ยที่จะส่งสื่อนำเสนองานให้ฉันหน่อย
Would you mind photocopying this bill for me?
รังเกียจมั้ยที่จะถ่ายเอกสารบิลนี้ให้ฉันหน่อย
ประโยคนี้เอาไปใช้เวลาอยากให้คนอื่นช่วยเรา “ทำอะไร” คือระบุเลยว่าคุณช่วยทำนั่นนี่ให้ฉันหน่อยได้มั้ย ซึ่งโครงสร้างจะต้องตามด้วย V.ing (หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ Gerund) ค่ะ มีหลักง่ายๆ ว่า อยากให้ช่วยทำอะไร เอา V. ตัวนั้นไปเติม -ing แล้วต่อท้ายประโยคได้เลย เช่น
ตัดกระดาษ cut > cutting the papers
หาข้อมูล find > finding the information
ร่างจดหมาย draft > drafting the letter
5. Would you mind if + ประโยค?
คำแปล: จะเป็นอะไรมั้ยถ้า…
Would you mind if I skip the meeting?
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอไม่เข้าประชุม
Would you mind if I postpone the deadline?
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอเลื่อนกำหนดส่งงาน
นอกจากแปลว่า รังเกียจมั้ย” แล้ว Would you mind ยังสามารถหมายถึง “จะเป็นอะไรมั้ย” ได้ด้วย คือใช้โยนหินถามทางก่อนได้ว่า ถ้าเราจะทำแบบเนี้ย จะเป็นไรป่าว เช่นอยากอยากโดดประชุม ก็ไปถามนายก่อนว่า Would you mind if I skip the meeting? (แต่อย่าลืมเตรียมเหตุผลที่ฟังขึ้นไปบอกนายด้วยนะ)
6. Can you join the meeting on + วันที่ + at + เวลา?
คำแปล: คุณเข้าร่วมประชุมวันที่…เวลา…ได้มั้ย
Can you join the meeting on Friday at 10 a.m.?
คุณสามารถเข้าร่วมประชุมวันศุกร์ เวลา 10 โมงเช้าได้มั้ย
หรือใช้ประโยคนี้ก็ได้ค่ะ
Are you available for the meeting on Friday at 10 a.m.?
คุณว่างสำหรับการประชุมวันศุกร์ เวลา 10 โมงเช้ามั้ย