อย่างที่เราอธิบายกันไป Tense คือรูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำในภาษาอังกฤษ การกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน ในภาษาอังกฤษ มี 12 Tense ด้วยกัน โดยจะแบ่งเป็นหมวดใหญ่ได้ 3 หมวด คือ
- ปัจจุบันกาล Present Tense
- อนาคตกาล Future Tense
- อดีตกาล Past Tense
ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึง ทั้ง ปัจจุบันกาล Present tense, อนาคตกาล Future Tense, และ อดีตกาล Past Tense ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้มีการพูดถึง simple tense Continuous Tense Perfect Tense และในวันนี้จะเป็นรูปแบบของ Perfect Continuous
- Present Perfect Continuous Tense (S + have, has + been + V. เติม -ing)
กาลนี้สร้างขึ้นโดยการเอา have หรือ has ตามหลังประธานแล้วเติม been ซึ่งเป็น Past participle ของ to be แล้วตามด้วย Present participle ของกริยาที่เราต้องการ วิธีใช้มักจะใช้ควบคู่กันไปกับประโยคใน Present Tense ด้วยกันแสดงถึงอาการที่ได้กระทำมาแล้วแต่ยังไม่สิ้นสุด เช่น
I have been running for two hours.
ฉันได้วิ่งมาแล้ว 2 ชั่วโมง
(ขณะที่พูดยังไม่หยุดวิ่ง หรืออย่างน้อยก็ต้องเพิ่งหยุดวิ่ง)
- Past Perfect Continuous Tense (S + had + been + V. เติม -ing)
วิธีทำก็เหมือนกับ Present Perfect Continuous Tense แต่ต้องเปลี่ยน have หรือ has เป็น had และวิธีใช้ก็คือ แสดงออกที่เป็นมาในอดีตจนถึงตอนหนึ่งที่เรากล่าวถึงในอดีต เช่น
He told me that he has been running for two hours.
เขาบอกฉันว่าเขาได้วิ่งมาแล้ว 2 ชั่วโมง
(นั่นคือเขาได้บอกฉันในอดีตว่า ก่อนที่บอกนั้นได้วิ่งมา 2 ชั่วโมง เมื่อตอนที่บอกต้องยังไม่หยุดวิ่งหรือไม่ก็เพิ่งหยุด)
- Future Perfect Continuous Tense (S + will, shall + have + been + V. เติม -ing)
วิธีสร้างคือให้ shall หรือ will ตามหลังประธาน ตามด้วย have been แล้วตามด้วย Present participle ของกริยาที่เราต้องการ นี่ก็เช่นกัน ใช้แสดงอาการที่กระทำแล้วในอนาคต และยังไม่สิ้นสุดลงเมื่อตอนที่เรากล่าวถึง หรือไม่ก็เพิ่งเสร็จสิ้นลงเช่น
When you come and see me tomorrow, I shall have been running for two hours.
เมื่อคุณมาหาฉันพรุ่งนี้ ฉันจะได้วิ่งแล้วเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
(คือได้เริ่มวิ่งเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อนหน้าที่คุณมา และในตอนที่คุณมาก็ยังวิ่งอยู่ หรืออย่างน้อยก็ต้องพึ่งหยุดวิ่งใหม่ๆ)