อย่างที่เราอธิบายกันไป Tense คือรูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำในภาษาอังกฤษ การกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน ในภาษาอังกฤษ มี 12 Tense ด้วยกัน โดยจะแบ่งเป็นหมวดใหญ่ได้ 3 หมวด คือ
1. ปัจจุบันกาล Present Tense
2. อนาคตกาล Future Tense
3. อดีตกาล Past Tense
ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึง ทั้ง ปัจจุบันกาล Present tense, อนาคตกาล Future Tense, และ อดีตกาล Past Tense ในรูปแบบของ Perfect
1. Present Perfect Tense (S + have, has + V.3)
กาลอีกจำพวกหนึ่ง ได้แก่ พวก Perfect Tense วิธีทำก็ง่ายๆ เช่นกัน คือ เอา have หรือ has ตามหลังประธานแล้วใช้Past participle ตามอีกทีหนึ่ง วิธีใช้ก็คือ แสดงอาการในปัจจุบันที่ล่วงไปแล้วเช่น
I have eaten.
ฉันกินอาหารแล้ว
He has walked.
เขาเดินแล้ว
เวลาใช้โดยมากมักจะต้องใช้ควบคู่ไปกับพวกประโยคที่อยู่ในกาล Present Tense
He comes in when I have had my lunch.
เขาเข้ามาเมื่อฉันกินอาหารกลางวันแล้ว
Come and see me when I have finished my work.
มาหาฉันเวลาฉันทำงานเสร็จแล้วสิ
2. Past perfect tense (S + had + V.3)
วิธีสร้างก็เหมือนกับ Present Perfect Tense แต่ต้องเปลี่ยน have หรือ has เป็น had วิธีใช้ก็คือ แสดงอาการที่กระทำแล้วในอดีตและมักจะใช้ควบคู่กับประโยคในการ Past Tense
He come to see me yesterday when I had had my lunch.
เขามาหาฉันเมื่อวานนี้เมื่อฉันกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
We did our work when they had finished theirs.
เราทำงานของเราเมื่อพวกเขาทำงานของเขาเสร็จแล้ว
3 Future Perfect Tense (S + will, shall + have, has + V.3)
วิธีสร้างก็คล้ายๆกัน คือเติม shall หรือ will หลังประธานแล้วเติม have แล้วเติม Past participle ของกริยาที่เราต้องการ วิธีใช้ก็คือ แสดงอาการที่จะกระทำสิ้นสุดในอนาคต และมักใช้ควบคู่กับ Present simple tense
I shall have had my lunch when you come and see me Tomorrow.
ฉันจะกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วในตอนที่คุณมาหาฉันพรุ่งนี้
If you come and see me at 4 O’clock tomorrow afternoon, you will not see me, Because I shall have gone out by that time.
หากคุณมาหาฉันพรุ่งนี้เวลาบ่าย 16:00 น คุณจะไม่พบฉัน เพราะฉันจะได้ออกไปข้างนอกเสียก่อนหน้านั้นแล้ว