ประโยคเงื่อนไข (Conditional/If-Clause) ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษชวนสับสน แต่ไม่ยากเกินทำความเข้าใจ เรามีหลักการใช้ If-Clause ประโยคเงื่อนไขภาษาอังกฤษ แบบเข้าใจง่ายมาฝากกันค่ะ
หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับประโยค ถ้าเขามา ฉันจะไป ภาษาไทยอาจสื่อความหมายแบบตรงไปตรงมา แต่ความจริงแล้ว ในภาษาอังกฤษ ประโยคที่มีคำว่า ถ้า หรือ ประโยคเงื่อนไข (Conditional/If-Clause) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
Type 0: If + S + V1, S + V1 ใช้กับสิ่งที่เป็นความจริงเสมอ
ตัวอย่าง If the temperature reaches 100 degree Celsius, water boils. (ถ้าอุณหภูมิถึง 100 องศา น้ำจะเดือด)
น้ำจะเดือดเมื่อถึงอุณหภูมิ 100 องศา เป็นความจริงเสมอ
If she comes, I go. (ถ้าเขามา ฉันจะไป)
ถ้าเขามา ยังไงฉันก็ไปแน่ ๆ
Type 1: If + S + V1 (Present Simple), S + will + V.infinitive (Future Simple)
ตัวอย่าง If she comes, I will go. (ถ้าเขามา ฉันจะไป)
อันนี้ความหมายตรงตัว ถ้าเขามา ฉันก็จะไป // ร้องเพลงพี่ดา เอนโดรฟิน 555
Type 2: If + S + V2 (Past Simple), S + would + V.infinitive หรือที่เรียกว่า Present Unreal แสดงถึงสิ่งที่ไม่เป็นความจริงหรือเหตุการณ์สมมติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ตัวอย่าง If she came, I would go. (ถ้าเขามา ฉันจะไป)
ความจริงคือ เขา (she) ไม่ได้มา ฉันจึงไม่ได้ไป
If I were you, I would go and talk to him immediately. (ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไปคุยกับเขาเดี๋ยวนี้เลย)
ความจริงแล้ว ฉัน (I) ไม่มีทางจะเป็นเธอ (you) ได้ จึงเข้ากับประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2
ข้อสังเกต Verb to be ในประโยค if ไม่ใช้ was แต่เป็น were (แม้ว่าจะเป็นประธานเอกพจน์)
Type 3: If + S + had + V3 (Past Perfect), S + would + have + V3หรือที่เรียกว่า Past Unreal แสดงถึงสิ่งที่ไม่เป็นความจริงหรือเหตุการณ์สมมติที่เกิดขึ้นในอดีต
ตัวอย่าง If she had come, I would have gone. (ถ้าเขามา ฉันจะไป)
ความจริงคือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต เขา (she) ไม่ได้มา ฉันจึงไม่ได้ไป