อย่างที่เราเคยกล่าวไป คำนามจำเป็นต้องมี Article นำหน้า และรู้ได้อีกว่า หากนำหน้าด้วย a, an นั่นก็หมายถึงว่า คำนาม คำนั้น มีแค่อันเดียว ตัวเดียว อย่างเดียว แน่นอนว่าในภาษาอังกฤษนั้น เขาจะเรียกว่า เอกพจน์ (Singular Number) แต่ถ้าหากคำนามถูกนำหน้าด้วย the เราต้องสังเกตว่า คำนามที่อยู่หลัง the ตัวนั้น มี -s หรือไม่ เช่น The cats ซึ่งถ้า cats มี -s แสดงว่า คำนาน อย่าง cat มีหลายตัว และอะไรก็ตามที่มีมากกว่าหนึ่ง หรือมีหลายตัว ในภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า พหูพจน์ (Plural Number) ซึ่งหลักการง่าย ๆ สำหรับหรับการเปลี่ยน คำนามที่เป็น เอกพจน์ (Singular Number) ให้เป็น พหูพจน์ (Plural Number) นั้น ก็คือ การ เติม -s

เอกพจน์ | พหูพจน์ |
dog soldier table eye | dogs soldiers tables eyes |

แต่สำหรับภาษาอังกฤษ แน่นอนว่า คำนามบางคำนั้น อาจจะไม่ได้แปลงเป็นพหูพจน์ โดยการเติม -s แต่เป็นเปลี่ยนรูปไปเลยต่างหาก เช่น
child foot tooth | childen feet teeth |